1. โดรน จะเข้ามาเปลี่ยนกระบวนการจัดส่งโดยลดเวลาและต้นทุนการขนส่ง ช่วยจัดการสินค้าคงคลังในคลังสินค้าอย่างแม่นยำ และลดความเสี่ยงของบุคลากรในสภาพแวดล้อมการทำงานที่อันตราย

2. หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในคลังสินค้าด้วยระบบจัดเก็บอัตโนมัติและรถโฟล์คลิฟท์ไร้คนขับ นอกจากนี้ยังสามารถทำงานที่ต้องทำซ้ำเพื่อให้บุคลากรมีเวลาทำงานอื่นที่ต้องการมูลค่าสูงกว่า 

5. ยานพาหนะอัตโนมัติ ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์และไม่จำเป็นต้องหยุดพัก จึงเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการวางแผนเส้นทางเพื่อให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

6. Internet of Things ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องมือต่างๆ ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว จึงเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานโดยรวม

7. โลจิสติกส์สีเขียว ใช้ประโยชน์จากแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อลดคาร์บอน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน และพลังงานทดแทน เพื่อการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

8. ข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ รวบรวมข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้รอบคอบมากขึ้น สามารถปรับปรุงการออกแบบคลังสินค้า จัดการสินค้าคงคลัง ตรวจจับความผิดปกติ ช่วยบริหารความเสี่ยงและตอบสนองต่อแนวโน้มตลาดได้อย่างเหมาะสม

9. คลาวด์คอมพิวติ้ง คือโซลูชันที่ช่วยลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานไอทีด้วยโมเดล SaaS ซึ่งจ่ายตามการใช้งาน นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันของซัพพลายเชน.

10. การบริหารจัดการโลจิสติกส์แบบยืดหยุ่น มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการทางโลจิสติกส์ให้ตอบโจทย์ของตลาด โดยสามารถเพิ่มหรือลดสเกลการปฏิบัติการตามความเหมาะสม รวมถึงการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด